หินชีสต์ (Schist) คือ หินแปรที่มีริ้วขนาน แปรสภาพมาจากหินชนวน (Slate) หรือ หินกาบ มีเม็ดปานกลางถึงหยาบ เกิดจากหินตะกอน หินอัคนี และหินแปร ที่ถูกสภาวะแปรสภาพด้วยความกดดัน และความร้อนสูงภายใต้ความดันมากกว่าหินชนวน หินชีสต์ประกอบด้วยแร่ไมกา (ที่เห็นวาวๆ) เป็นหลัก บางครั้งก็มี คลอไรต์ ทัลก์ แกรไฟต์ ฮีมาไทต์ เป็นต้น ที่เรียงตัวเกือบขนานกัน เรียกว่า แนวแตกแบบหินชีสต์(schistosity) บ่อยครั้งที่ปริแยกออกตามชั้นหรือแผ่นบางซึ่งคดงอและแตกหักได้ง่าย
ลักษณะหินชีสต์
หินชีสต์ เป็นหินแปรที่มีเนื้อที่ความละเอียดปานกลางมองเห็นได้ด้วยแว่นขยายทั่วไป มีแนวแตกแบบหินชีสต์ (schistosity) ชัดเจน หมายความ ว่าหินประกอบด้วยเม็ดแร่ขนาดกลาง ที่เรียงตัวกันเป็นแนวขนาน และลักษณะพื้นผิวของหินชีสต์ทำให้เห็นแร่องค์ประกอบ เช่น ไมกา ทัลก์ คลอไรท์ หรือกราไฟต์ และมักจะมีแร่ที่ละเอียดกว่าเช่น เฟลด์สปาร์ หรือควอตซ์ แทรกอยู่
โดยทั่วไปหินชีสต์ เกิดจากการแปรสภาพบริเวณไพศาลร่วมกับการเกิดเทือกเขา และมักจะเป็นการแปรสภาพเกรดปานกลาง
สามารถเกิดได้จากหินต้นกำเนิดหลายชนิด ทั้งหินตะกอน เช่น หินโคลน และหินอัคนี เช่น ทัฟ หินชีสต์ที่แปรสภาพจากหินโคลนที่มีปริมาณไมกาสูง เรียกว่า ไมกาชีสต์ (mica schist)
ถ้าหากมองเห็นหินต้นกำเนิด (protolith) ก็จะถูกตั้งชื่อสะท้อนตามหินเดิม เช่น schistose metasandstone ซึ่งเกิดจากการแปรสภาพจากหินทราย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการระบุชนิดแร่ด้วย เช่น หินชีสต์ควอตซ์-เฟลด์สปาร์-ไบโอไทต์ เป็นหินชีสต์ที่มีหินต้นกำเนิด (protolith) ที่มีไบโอไทต์ไมกา เฟลด์สปาร์ และควอตซ์ เป็นองค์ประกอบ
แนวแตกแบบหินชีสต์ (schistosity) เป็นชั้นบาง ๆ ของหินที่เกิดจากการแปรสภาพ ทำให้หินสามารถแยกออกเป็นสะเก็ดหรือแผ่นหนาน้อยกว่า 5 ถึง 10 มม. เม็ดแร่ในหินชีสต์มักมีขนาดตั้งแต่ 0.25 ถึง 2 มิลลิเมตร และมองเห็นได้ง่ายด้วยเลนส์ขยาย 10 เท่า โดยปกติเม็ดแร่ในหินชีสต์จะมีทิศทางการเรียงตัวชัดเจน
การใช้ประโยชน์จากหินชีสต์
- ใช้ในการสร้างบ้านหรือใช้ทำผนัง เพราะมีความแข็งแรงทนทาน
- ในออสเตรเลีย บ้านเรือนที่สร้างขึ้นโดยใช้หินชีตส์ตั้งแต่ปี 1800 ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
- หินไมก้าชีตส์ (Mica Schist) ถูกใช้เป็นวัสดุปิดผิวเพื่อตกแต่ง สำหรับงานก่อสร้างสำหรับตกแต่งผนัง, เสา, ผสมในสี และใช้เป็นวัสดุมุงหลังคา
- มีการใช้เป็นหินตกแต่งบนเครื่องประดับ
หินชีสต์ ไม่ได้เป็นหินที่มีการใช้ในอุตสาหกรรมมากนัก เพราะเกล็ด Mica ที่มีอยู่และความ schistosity ของมันทำให้มันเป็นหินที่ไม่แข็งแกร่ง จึงมักจะไม่เหมาะสมสำหรับใช้ในงานก่อสร้างอาคาร หรือตกแต่ง
การเป็นแหล่งกำเนิด Gem Stone
หินชีสต์นั้นมักจะเป็นแหล่งกำเนิดอัญมณีหลากหลายชนิดที่ก่อตัวขึ้นในหินแปร เช่น garnet, kyanite, tanzanite, มรกต, andalusite, sphene, ไพลิน, ทับทิม, scapolite, iolite, chrysoberyl และวัสดุอัญมณีอื่น ๆ อีกมากมายที่พบในหินชีสต์ 🌏